โตเกียวบานาน่า ขนมยอดฮิต ของฝากแสนมุ้งมิ้งที่ใครไปเที่ยวญี่ปุ่นก็เป็นอันต้องซื้อกลับมาทานเองหรือ ไม่ก็ฝากคนนั้นคนนี้ วันนี้วงในชวนทำ โตเกียวฉบับโฮมเมด ทำไม่ยาก แถมอร่อยไม่แพ้ต้นฉบับเลยทีเดียว ไปดูกันเลยค่ะ ^^
โตเกียว บานาน่า จะประกอบไปด้วยสองส่วนคือส่วนไส้คัสตาร์ดรสกล้วย และส่วนเนื้อเค้ก เราจะเริ่มทำตัวไส้ก่อน แล้วนำเข้าแช่ตู้เย็นให้เย็นจัด ระหว่างรอไว้เย็นก็มาทำตัวเค้กต่อ พอเสร็จแล้วพักไว้คลายร้อนแล้ว ตัวไส้ก็จะเย็นพอดีพร้อมประกองร่างค่ะ มาดูส่วนผสมกันได้เลยค่ะ
ส่วนผสม banana custard filling
กล้วยหอมสุก 100 กรัม (ประมาณ 1 ลูก ขนาดทั่วๆ ไป)
แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
นมสด 150 กรัม
กลิ่นวานิลลา เล็กน้อย
ส่วนผสม sponge cake
ไข่ไก่สด อุณหภูมิห้อง 2 ฟอง
น้ำตาลทรายเม็ดละเอียด 50 กรัม
แป้งเค้ก 35 กรัม
นมสด 20 กรัม
1. Banana custard filling
เริ่มจากหั่นกล้วยเป็นชิ้นๆ แล้วใช้ส้อมบี้ๆ ให้กลายเป็นกล้วยบด
จากนั้นเติมแป้งข้าวโพด ไข่ไก่ และนมสดลงไป ใช้ตะกร้อมือคนให้พอเข้ากันค่ะ
กรองส่วนผสมผ่านกระชอนใส่ลงในหม้อขนาดเล็ก ใช้ช้อนช่วยๆ กดๆ คั้นๆ ให้ได้น้ำออกมาให้มากที่สุดนะคะ
แล้วก็นำหม้อไปตั้งไฟกลางๆ ใช้ตะกร้อมือคนตลอดเวลา จนกระทั่งส่วนผสมข้นขึ้น ก็ยกลงจากเตาได้ค่ะ ใส่กลิ่นวานิลลาลงไปเล็กน้อย คนให้เข้ากันค่ะ
เทตัวไส้คัสตาร์ดกล้วยที่ได้ใส่ชาม ใช้พลาสติกแร็ปปิดแนบไปลงบนตัวคัสตาร์ดเพื่อป้องกันการเกิดผิวค่ะ นำเข้าแช่ตู้เย็นไว้ก่อนค่ะ (คัสตาร์ดต้องเย็นจัดก่อนนำมาใช้ค่ะ)
2. Sponge cake
จากนั้นเรามาทำตัว sponge cake กันค่ะ
ก่อนทำเค้กไว้เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ไฟบนล่างไว้ก่อนเพื่อเป็นการวอร์มเตานะคะ (ตามปกติจะใช้เวลาวอร์มเตาจนเตาได้อุณหภูมิที่ตั้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วแต่เตาด้วยค่ะ ลองกะเวลาในการทำดูค่ะ เพราะเค้กตัวนี้ทำเสร็จต้องอบทันทีนะคะ)
แล้วก็เตรียมพิมพ์อบ สูตรนี้จะใช้เป็นถาดสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาด 9 นิ้วค่ะ เตรียมพิมพ์โดยการปูกระดาษไขให้เรียบร้อยก่อนค่ะ
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องเตรียมคือเทน้ำใส่หม้อตั้งเตา ต้มจนน้ำเดือดไว้ด้วยค่ะ
เริ่มจากตอกไข่ใส่ชามผสมทนไฟ แล้วใส่น้ำตาลทรายเม็ดละเอียดตามลงไปด้วยค่ะ
ใช้ตะกร้อมือตีให้ไข่กระจายตัวค่ะ จากนั้นหันไปดูที่หม้อน้ำที่ตั้งเตาไว้ ถ้าน้ำเดือดแล้วก็ยกหม้อลงจากเตา แล้วเอาชามผสมที่วางไว้บนหม้อ โดยให้น้ำสัมผัสกับก้นชามเลยนะคะ แล้วก็ใช้ตะกร้อมือคนๆ ต่อ ให้น้ำตาลละลาย และไข่จะอุ่นขึ้น ให้มีอุณหภูมิประมาณ 40 องศาเซลเซียสค่ะ เช็คโดยใช้เทอร์โมมิเตอร์หรือใช้นิ้วจุ่มเอาก็ได้ค่ะ ไข่จะอุ่นๆ แบบนิ้วเรายังทนได้ค่ะ ถ้าได้อย่างนี้แล้วก็ยกชามลงจากหม้อน้ำร้อนเลยค่ะ
จากนั้นใช้เครื่องตีไข่ไฟฟ้าตีไข่ด้วยความเร็วสูงประมาณ 5 นาที จนไข่ข้นฟูขึ้น สีของไข่จะอ่อนลงมากๆ พอครบเวลาแล้วลองหยุดเครื่องแล้วยกหัวตีขึ้น ถ้าเห็นไข่มีลักษณะตั้งขึ้นมาได้ ไม่เหลวเป็นน้ำๆ และสามารถเห็นรอยของหัวตะกร้อได้ (เรียกว่า ribbon stage) ก็แสดงว่าไข่ฟูได้ที่แล้ว ให้ตีต่อด้วยความเร็วต่ำอีกประมาณ 2 นาทีเพื่อให้ไข่คงตัวค่ะ แต่ถ้า 5 นาทีแรกยังไม่ได้แบบที่ว่าก็ให้ตีด้วยความเร็วสูงต่อไปจนกว่าจะได้ค่ะ
พอไข่ได้ที่แล้ว เทแป้งเค้กใส่กระชอน ร่อนแป้งเค้กลงไปในชามไข่ค่ะ จุดสังเกตอีกจุดที่จะบอกว่าไข่ที่เราตีได้ที่ไหมก็อยู่ตอนที่ใส่แป้งนี่ด้วย ค่ะ ถ้าร่อนแป้งลงไปแล้วแป้งยังคงอยู่บนผิวด้านบนของไข่ ไม่จมลงไปข้างล่าง ก็แสดงว่าไข่ที่เราตีได้ที่ดี สามารถรับน้ำหนักของแป้งได้ แต่ถ้าใส่แป้งแล้วแป้งจม ตอนนำเค้กไปอบเค้กอาจจะไม่ขึ้นฟูเท่าที่ควรและเนื้อจะแน่นๆ ได้ค่ะ ดังนั้นขั้นตอนการตีไข่ต้องเอาให้แน่ใจจริงๆ ว่าไข่ได้ที่ค่ะ
ทีนี้ก็มาถึงอีกส่วนสำคัญคือการผสมแป้งเข้ากับไข่นะคะ ให้ใช้พายยางตะล่อมด้วยความเบามือให้แป้งกับไข่เข้ากันค่ะ วิธีการตะล่อมคือเป็นการวักเอาตัวไข่ที่ด้านข้างตบมาโปะส่วนแป้งด้านบน หรือจะใช้พายยางแบ่งกลางชามแล้ววักเอาไข่ด้านล่างตบขึ้นมาโปะด้านบนก็ได้ค่ะ การตะล่อมนี่จะใช้ข้อมือเป็นหลักในการวักนะคะ ตะล่อมด้วยความเบามืออย่างนี้ประมาณ 10 ครั้งค่ะ ขั้นตอนนี้ต้องเบามือมาก แต่ห้ามชักช้านะคะ เพราะฟองไข่อาจจะยุบและทำให้เนื้อเค้กไม่ฟูดีเท่าที่ควรได้ค่ะ
จากนั้นใส่นมสดลงไป ใช้วิธีการตะล่อมแบบเมื่อกี้อีกประมาณ 50 ครั้งจนส่วนผสมเข้ากันดี ใช้พายยางลองกวักๆ เช็คๆ ดูว่าตรงไหนหลงเหลือผงแป้งดูก็ได้ค่ะ
พอเสร็จแล้วก็เทส่วนผสมใส่ในถาดอบที่เตรียมไว้ตอนต้นเลยค่ะ ตอนเทก็เทลงตรงกลางพิมพ์นะคะ ส่วนผสมจะค่อนข้างข้นก็ให้จับพิมพ์ยกขึ้นข้างหนึ่งแล้วเอียงพิมพ์ให้ส่วนผสม ไหลไปให้ทั่วทั้งสี่มุม จากนั้นวางลง ส่วนผสมก็จะเสมอๆ เท่าๆ กันทั้งพิมพ์ค่ะ
ยกพิมพ์ขึ้นมาเหนือโต๊ะประมาณ 1 นิ้วแล้วปล่อยลงให้พิมพ์กระแทกโต๊ะ 1 ครั้ง เพื่อเป็นการไล่ฟองอากาศใหญ่ๆ ที่เหลืออยู่ในส่วนผสม
จากนั้นนำเข้าเตาอบที่วอร์มไว้จนได้อุณหภูมิ 180 องศาแล้ว ใช้เวลาอบ 11-12 นาที หรือจนกระทั่งสุก (เวลาอาจจะไม่เป๊ะตามนี้ เพราะเตาอบของแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน ต้องคอยดูกันเอาเองด้วยนะคะ) วิธีเช็คสุกเค้กแบบนี้คือให้ใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มลงตรงกลางเนื้อเค้ก ถ้าไม่มีเศษเค้กติดขึ้นมาก็แสดงว่าสุกดีแล้ว หรือจะเช็คด้วยการแตะเบาๆ บนหน้าเค้ก ถ้าเค้กสปริงตัวกลับมาไม่ทิ้งรอยบุ๋มลงไปก็แสดงว่าเค้กสุกดีแล้วเช่นกันค่ะ
พอเค้กสุกแล้วก็นำออกจากเตาอบ กระแทกพิมพ์แรงๆ 1 ครั้งแบบเดียวกับก่อนจะนำเข้าเตาอบเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เค้กหดตัวเวลา เย็นตัวลง จากนั้นพักไว้บนตะแกรงให้เค้กเย็นลง
พอเค้กเย็นแล้วจับตัวกระดาษไขดึงเค้กขึ้นมาจากพิมพ์ ใช้ตะแกรงวางคว่ำลงบนหน้าเค้ก จากนั้นใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งวางบนตะแกรง อีกข้างสอดใต้เค้ก (หลังกระดาษไข) แล้วจับพลิก ตอนนี้กระดาษไขจะมาอยู่ด้านบน และเค้กก็จะวางกลับหัวอยู่บนตะแกรง (ด้านหน้าเค้กคว่ำลง ติดตะแกรง) ค่อยๆ ลอกกระดาษไขออกจากก้นเค้กด้วยความเบามือมากๆ จากนั้น ใช้วิธีเดิมพลิกเค้กให้กลับมาเป็นเอาด้านหน้า (ด้านสีน้ำตาลอ่อน) ขึ้นอีกครั้ง (ใช้ฝ่ามือเพื่อจะที่ประคองเค้กให้ได้ทั้งแผ่นเค้กจะได้ไม่หัก)
แบ่งเค้กออกเป็น 4 ส่วนเท่าๆ กันตามภาพ จากนั้นนำส่วนหนึ่งออกมา ใช้มีดฟันเลื่อยแบ่งตรงกลางตามแนวนอน (พยายามใจเย็นๆ รักษาระดับมือไว้ให้ดี) เค้ก 1 ส่วนจะได้เค้ก 2 แผ่นบางๆ (ทั้งหมด 4 ส่วน คือได้เป็น 8 แผ่นบางนั่นเอง)
ตอนนี้เราก็พร้อมที่จะประกอบร่างโตเกียวบานาน่ากันแล้ว
เริ่มจากตัดพลาสติกแร็ปขนาดให้ใหญ่กว่าตัวเนื้อเค้กวางรองบนจานไว้ก่อน แล้วก็เอาเนื้อเค้กแผ่นบาง 1 แผ่นวางลงตรงกลางพลาสติกแร็ป
นำคัสตาร์ดกล้วยที่เย็นแล้วออกจากตู้เย็น ใส่ถุงบีบ บีบลงตรงกลางเนื้อเค้กที่วางไว้ แล้วจับเนื้อเค้กด้านใกล้ตัวม้วนออกจากตัวไปจนสุดเนื้อเค้กอีกด้าน จากนั้นใช้พลาสติกแร็ปม้วนห่อทับ ขมวดหัวและท้ายให้แน่น ทำอย่างนี้จนครบ 8 ชิ้น นำขนมเข้าแช่ช่องธรรมดาประมาณ 1-2 ชั่วโมงขึ้นไปก่อนนำมาทานค่ะ
เรียบร้อยแล้วค่ะกับโตเกียวบานาน่าฉบับโฮมเมด ขนมมุ้งมิ้ง ว่างๆ ก็ลองทำเพลินๆ กันได้นะคะ ^^
ขอบคุณสูตรจาก Youtube channel: ochikeron
หน้าที่เข้าชม | 1,832,391 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 758,791 ครั้ง |
เปิดร้าน | 22 พ.ย. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 27 ส.ค. 2568 |